โปรแกรม กำจัดไวรัส
แนะนำโปรแกรมสำหรับป้องกัน และกำจัดไวรัส ที่น่าสนใจ เพื่อใช้เป็นสำหรับทางเลือกของคุณก่อนตัดสินใจเลือกซื้อมาไว้ประจำเครื่อง คอมพิวเตอร์ของคุณ อย่าพลาดที่จะมีไว้สักหนึ่งโปรแกรมน่ะครับ... ต้องการ update DAT (ไฟล์เก็บวิธีการกำจัดไวรัส) คลิกที่นี่
1. Dr.Solomon
Mcafee เป็นบริษัทที่ผลิตโปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสเก่าแก่ที่สุดในโลกบริษัท หนึ่ง มีการพัฒนาของโปรแกรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมได้เคยใช้ตั้งแต่เวอร์ชั่นเก่า ๆ แล้ว ค่อนข้างถูกใจเป็นการส่วนตัว เพราะเคยช่วยชีวิตเครื่องคอมฯ ของผมหลายต่อหลายครั้งมาแล้ว สำหรับโปรแกรม dr.solomon นี้ก็เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมกำจัดไวรัส ที่อยากแนะนำให้ทดลองใช้ดู version ล่าสุด คือ v8.5
2. eSafe Anti-Virus
อีก หนึ่งโปรแกรมกำจัดไวรัส ที่คุณสามารถนำไปทดสอบเพื่อกำจัดไวรัสได้ การใช้งาน สามารถ update DAT ไฟล์ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ได้เช่นเดียวกับ Mcafee, Norton, PC-Ciliin สำหรับหลายๆ ท่านที่กำลังตัดสินใจจะซื้อโปรแกรม anti-virus โปรแกรมนี้อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งของคุณก็ได้..
3. F-Prot Antivirus v3.11
อีก หนึ่งโปรแกรม anit-virus ที่น่าสนใจ มีความสามารถเช่นเดียวกับโปรแกรมอื่นๆ คือคอยตรวจสอบไวรัส กำจัดไวรัส สามารถตั้งเวลาให้ตรวจสอบไวรัสได้ด้วย ที่สำคัญสามารถ update DAT ไฟล์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดยผ่านทาง internet ได้เช่นเดียวกัน มีฟรีเวอร์ชั่นสำหรับ DOS, Linux ด้วย เชิญคลิกเข้าไปดูกัน..
4. Iparmor V4.0
คุณ จะมั่นใจได้อย่างไรว่าคอมพิวเตอร์ของคุณปราศจากไวรัส ทุกวันถ้าคุณมีการเชื่อมต่อกับ internet มีการเช็ค mail แน่นอนครับ คุณมีโอกาสติดไวรัสได้ แล้วอย่างนี้คุณจะไม่เตรียมตัวป้องกันไวรัสไว้หรือครับ... อีกหนึ่งโปรแกรมสำหรับป้องกันและกำจัดไวรัส Trojan (ไวรัสชนิดหนึ่งที่อันตรายมาก)
5. InoculateIT Anti-Virus Protection v5.2.9.0
ไวรัส มีมากมาย แต่โปรแกรมป้องกันและกำจัดไวรัสกลับมีไม่มาก.. เราอาจไม่จำเป็นต้องใช้งานหลายๆ โปรแกรม แต่ควรเลือกและใช้งานโปรแกรมที่ดีที่สุด มีการ update อยู่เสมอ ทั้งนี้เนื่องจากไวรัสเป็นตัวปัญหาอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ อย่างเรา ๆ ปวดหัวได้เหมือนกัน เรามาเริ่มป้องกันไวรัสนับตั้งแต่วันนี้จะดีกว่า...
6. Love Bug Squasher
Virus ตัวร้ายตัวหนึ่งที่เกิดขึ้นในโลก computer " I Love You" หรือบางท่านอาจเรียก "Love Bug" เป็นหนึ่งในไวรัสที่เคยโด่งดังมาแล้วทั่วโลก ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าเครื่องคอมฯ ของคุณจะมีไวรัสตัวนี้ติดอยู่หรือไม่ ทดสอบง่าย ๆ ครับ ด้วยการ download โปรแกรมมาตรวจสอบดู เป็นของฟรี ครับ...
7. Norton Anti-Virus 2001
เรา คงไม่สามารถกำจัดไวรัสให้หมดสิ้นไปได้ แต่เราสามารถป้องกันไวรัสที่จะเข้าทำลายข้อมูลและคอมพิวเตอร์ของคุณได้ เพียงแค่ติดตั้งโปรแกรม Anti-Virus และ update ไฟล์ DAT อยู่เสมอ... ถ้าคุณยังไม่มีโปรแกรม Anti-Virus ติดเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ ผมขอแนะนำ Norton Anti-Virus 2001 โปรแกรมที่จะคอยตรวจสอบไวรัสให้คุณอยู่ตลอดเวลา สำหรับการใช้งานก็ไม่ยุ่งยากครับ...
8. Mcafee VirunScan
โปรแกรม ต้นตำรับในการกำจัดไวรัสที่ดังมากที่สุดในโลกตัวหนึ่ง อย่าพลาดเข้าไปศึกษาวิธีการใช้งานแบบ step by step ทั้งวิธีการป้องกันและกำจัดไวรัสในทุก ๆ ทางที่ไวัสจะแพร่ระบาดได้... โดยเฉพาะทาง email และทาง web
9. PC-cillin 2000
ส่วน หนึ่งที่จะคิดเขียนแนะนำโปรแกรม Anti-virus ก็เพราะว่า อาทิตย์ที่ผ่านมาผมมีปัญหาเกี่ยวกับไวรัสที่ชื่อว่า Navidad ซึ่งเป็นไวรัสที่ติดมาพร้อมกับ email ซึ่งกว่าจะหาทางกำจัดได้ก็ใช้เวลาเป็นวันเลยทีเดียว ดังนั้น เพื่อป้องกันและเสนอแนวทางแก้ไขและป้องกันปัญหาไวรัส PC-cillin 2000 เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
10. Stinger
ฟรี โปรแกรมโปรแกรมในการตรวจสอบและกำจัดไวรัสจากค่าย Mcafee ที่เราๆ รู้จักกันดี รีบ download ไปตรวจสอบเครื่องคุณเดี๋ยวนี้ รับรองคุณจะต้องตกใจกับไวรัสที่มีมากมายในเครื่องคอมฯ ของคุณ..
11. SWAT it
ฟรี โปรแกรมตรวจสอบและกำจัดไวรัส ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดตัวหนึ่ง สามารถตรวจสอบไวรัสประเภท Trojan, Worms, Bots รวมทั้ง Hacker โปรแกรม ที่มักแฝงตัวในระบบคอมพิวเตอร์ และจะทำงานเมื่อถึงเวลาที่กำหนด
12. Vcatch v3.5.2.8
อีก หนึ่ง ฟรีโปรแกรมในการตรวจสอบไวรัส จากการใช้งานโปรแกรมทาง internet ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมทางด้าน Email, ICQ, Napster รวมทั้งการใช้ โปรแกรมประเภท web browser ก็สามารถตรวจสอบได้ โปรแกมนี้เพียงแค่ download มาติดตั้ง และใส่ Email address ในช่อง Use Details แค่นี้ โปรแกรมก็จะ register ให้อัตโนมัติ (บริการฟรี) และจะรันโปรแกรมนี้อัตโนมัติตอนเข้า Windows
วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553
>> วิธีใช้งาน Ad-Aware, Ad-Aware SE
วิธีใช้งาน Ad-Aware, Ad-Aware SE
โปรแกรม Ad-Aware ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการที่จะตรวจสอบและกำจัดโปรแกรมประเภท Spyware, Adware ที่ถือได้ว่าเป็นที่นิยมใช้งานกันมากในปัจจุบัน เวอร์ชั่นที่จะแนะนำนี้เป็นเวอร์ชั่นที่สามารถ download มาใช้งานได้ฟรี แต่เดิมจะใช้งานในเวอร์ชั่น 6.0 แต่ที่กำลังแนะนำนี้เป็นเวอร์ชั่น Ad-Aware SE Pesonal edition (วิธีการใช้งานทั้งสองเวอร์ชั่น แถบจะไม่มีความแตกต่างกันเลย) สำหรับผู้สนใจโปรแกรม Ad-Aware สามารถรองรับการทำงานของ Windows ได้ทุกเวอร์ชั่น รายละเอียดเพิ่มเติม spyware, adware และวิธีการป้องกัน คลิกที่นี่
หลังจากที่คุณได้ download โปรแกรม Ad-Aware และทำการติดตั้งแล้ว ให้เริ่มต้นด้วย...
Update โปรแกรมก่อนทุกครั้ง ก่อนตรวจสอบ
1. เริ่มด้วยด้วยการเปิดโปรแกรมจะได้ดังภาพ
>> เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Spyware, Adware
เรื่อง น่ารู้เกี่ยวกับ Spyware, Adware
Spyware ถือได้ว่าเป็นภัยอย่างหนึ่งในการใช้งานในระบบเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายส่วนบุคคล หรือเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เนื่องจากจะทำให้สูญเสียความเป็นส่วนบุคคลหรือความปลอดภัยของข้อมูล อาจกล่าวได้ง่าย ๆ คือ จะทำให้ข้อมูลส่วนตัวของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบัตรเครดิต หรือข้อมูลส่วนตัวของคุณต่างๆ เช่น ชื่อ ที่อยู่ และรายละเอียดส่วนตัวอื่นๆ ที่คุณได้ทำไว้ในคอมพิวเตอร์ ถูกส่งต่อไปยังผู้สร้างโปรแกรม
นอกจากนี้ Spyware อาจมาในอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า Adware หมายถึงมาในรูปแบบของการแสดงป้ายโฆษณา (banner) มักจะใช้กับโปรแกรมที่เรียกว่า Shareware ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มีการโฆษณาให้ download ไปใช้งานได้ฟรี ซึ่งถ้าผู้ใช้สนใจ สามารถสั่งซื้อเพื่อให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ และปราศจากป้ายโฆษณา ตัวอย่างเช่น โปรแกรม DAP+ เป็นต้น ซึ่ง Adware ส่วนใหญ่ถือว่าไม่เป็นภัยกับข้อมูส่วนตัวของคุณ
สรุปการทำงาน หรืออาการของเครื่องคอมฯที่มี Spayware
1. อาจมีป้ายโฆษณาเล็กๆ ปรากฏขึ้นมา (Adware) หรือที่เรียกว่า pop-up
2. ขโมยข้อมูลส่วนตัวในเรื่องคอมฯ ของคุณ โดยเฉพาะ username, password
3. เก็บข้อมูลการเข้าเว็บไซต์ต่างๆ และเว็บที่คุณชื่นชอบ ส่งไปยังผู้ที่ต้องการ
4. เว็บเริ่มต้นในการทำงาน ถูกเปลี่ยนไป
5. มีโปรแกรมใหม่ๆ ถูกติดตั้งขึ้นมาโดยที่ไม่ได้มีการติดตั้ง
6. ค้นหาข้อมูลใน Search Engine จะมีความแตกต่างออกไปจากเดิม
7. 9 ใน 10 ของคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ติด Spyware (ตามที่เขาเหล่ามา)
การป้องกันเบื้องต้น Spayware
1. ระวังเรื่องการ download โปรแกรมจากเว็บไซต์ต่างๆ
2. ระวังอีเมล์ ที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการแจกโปรแกรมฟรี เกี่ยวกับกำจัด spyware
3. ระหว่าง การใช้งานอินเตอร์เน็ต ถ้ามีหน้าต่างบอกให้คลิกปุ่ม Yes ระวังสักนิด อ่านรายละเอียดให้ดี อาจมี spyware แฝงอยุ่ แนะนำให้คลิก No ไว้ก่อน จะปลอดภัยกว่า
4. หน้ามีหน้าต่าง pop-up ขึ้นมา แนะนำให้คลิกตัว "X" แทนการคลิกปุ่มใด ๆ และโดยเฉพาะบริเวณป้ายโฆษณา นั่นอาจหมายถึงคุณกำลังยืนยันให้มีการติดตั้ง spyware แล้ว
5. ตรวจสอบ ด้วยโปรแกรมกำจัด spyware อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง สำหรับองค์กร แนะนำให้ตรวจสอบทุกวัน โดยเฉพาะเวลาพักทานข้าว ซึ่งถือได้ว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมมากที่สุด
การ แก้ไข สามารถใช้โปรแกรมสำหรับการตรวจและกำจัดได้ เช่น Spybot Search & Destroy, Adaware เป็นต้น ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้เป็นฟรีแวร์ที่สามารถใช้งานได้จริง สนใจสามารถ download ไปใช้งานตามลิงค์ ด้านล่างนี้
* Spybot Search & Destroy - โปรแกรมที่ใช้ในการตรวจสอบและกำจัด
* Ad-Aware SE - โปรแกรมที่ใช้ในการตรวจสอบและกำจัด
* SpywareBlaster - โปรแกรมที่ใช้ในการป้องกัน
* SpywareGuard - โปรแกรมที่ใช้ในการป้องกัน
โปรแกรมอื่นๆ สามารถคลิกเข้าไปดูได้ที่หัวข้อ Anti-Virus
บทความจากเว็บไซต์ it-guides.com
Spyware ถือได้ว่าเป็นภัยอย่างหนึ่งในการใช้งานในระบบเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายส่วนบุคคล หรือเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เนื่องจากจะทำให้สูญเสียความเป็นส่วนบุคคลหรือความปลอดภัยของข้อมูล อาจกล่าวได้ง่าย ๆ คือ จะทำให้ข้อมูลส่วนตัวของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบัตรเครดิต หรือข้อมูลส่วนตัวของคุณต่างๆ เช่น ชื่อ ที่อยู่ และรายละเอียดส่วนตัวอื่นๆ ที่คุณได้ทำไว้ในคอมพิวเตอร์ ถูกส่งต่อไปยังผู้สร้างโปรแกรม
นอกจากนี้ Spyware อาจมาในอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า Adware หมายถึงมาในรูปแบบของการแสดงป้ายโฆษณา (banner) มักจะใช้กับโปรแกรมที่เรียกว่า Shareware ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มีการโฆษณาให้ download ไปใช้งานได้ฟรี ซึ่งถ้าผู้ใช้สนใจ สามารถสั่งซื้อเพื่อให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ และปราศจากป้ายโฆษณา ตัวอย่างเช่น โปรแกรม DAP+ เป็นต้น ซึ่ง Adware ส่วนใหญ่ถือว่าไม่เป็นภัยกับข้อมูส่วนตัวของคุณ
สรุปการทำงาน หรืออาการของเครื่องคอมฯที่มี Spayware
1. อาจมีป้ายโฆษณาเล็กๆ ปรากฏขึ้นมา (Adware) หรือที่เรียกว่า pop-up
2. ขโมยข้อมูลส่วนตัวในเรื่องคอมฯ ของคุณ โดยเฉพาะ username, password
3. เก็บข้อมูลการเข้าเว็บไซต์ต่างๆ และเว็บที่คุณชื่นชอบ ส่งไปยังผู้ที่ต้องการ
4. เว็บเริ่มต้นในการทำงาน ถูกเปลี่ยนไป
5. มีโปรแกรมใหม่ๆ ถูกติดตั้งขึ้นมาโดยที่ไม่ได้มีการติดตั้ง
6. ค้นหาข้อมูลใน Search Engine จะมีความแตกต่างออกไปจากเดิม
7. 9 ใน 10 ของคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ติด Spyware (ตามที่เขาเหล่ามา)
การป้องกันเบื้องต้น Spayware
1. ระวังเรื่องการ download โปรแกรมจากเว็บไซต์ต่างๆ
2. ระวังอีเมล์ ที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการแจกโปรแกรมฟรี เกี่ยวกับกำจัด spyware
3. ระหว่าง การใช้งานอินเตอร์เน็ต ถ้ามีหน้าต่างบอกให้คลิกปุ่ม Yes ระวังสักนิด อ่านรายละเอียดให้ดี อาจมี spyware แฝงอยุ่ แนะนำให้คลิก No ไว้ก่อน จะปลอดภัยกว่า
4. หน้ามีหน้าต่าง pop-up ขึ้นมา แนะนำให้คลิกตัว "X" แทนการคลิกปุ่มใด ๆ และโดยเฉพาะบริเวณป้ายโฆษณา นั่นอาจหมายถึงคุณกำลังยืนยันให้มีการติดตั้ง spyware แล้ว
5. ตรวจสอบ ด้วยโปรแกรมกำจัด spyware อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง สำหรับองค์กร แนะนำให้ตรวจสอบทุกวัน โดยเฉพาะเวลาพักทานข้าว ซึ่งถือได้ว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมมากที่สุด
การ แก้ไข สามารถใช้โปรแกรมสำหรับการตรวจและกำจัดได้ เช่น Spybot Search & Destroy, Adaware เป็นต้น ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้เป็นฟรีแวร์ที่สามารถใช้งานได้จริง สนใจสามารถ download ไปใช้งานตามลิงค์ ด้านล่างนี้
* Spybot Search & Destroy - โปรแกรมที่ใช้ในการตรวจสอบและกำจัด
* Ad-Aware SE - โปรแกรมที่ใช้ในการตรวจสอบและกำจัด
* SpywareBlaster - โปรแกรมที่ใช้ในการป้องกัน
* SpywareGuard - โปรแกรมที่ใช้ในการป้องกัน
โปรแกรมอื่นๆ สามารถคลิกเข้าไปดูได้ที่หัวข้อ Anti-Virus
บทความจากเว็บไซต์ it-guides.com
>> ไวรัส ที่ผ่านทาง E-mail
ไวรัส ที่ผ่านทาง E-mail
ช่องทางหนึ่งในการแพร่กระจายไวรัส ซึ่งถือเป็นช่องทางโปรดของไวรัส คือ E-mail เนื่องจากเป็นช่องหนึ่งที่ทุกๆ คนจำเป็นต้องใช้งาน การแพร่กระจายของไวรัส จะอาศัยการส่งผ่านทาง E-mail โดยการส่งไปยังผู้รับอัตโนมัติ โดยใช้ E-mail Address ที่เรามีการบันทึกไว้ใน address book โดยไวรัสพวกนี้จะทำการสร้าง subject ของ mail แบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังอาจมีการส่ง attache file เพื่อให้ผู้รับคลิกเพื่อเปิดโปรแกรมไวรัส (เพื่อให้ไวรัสทำงาน) โปรแกรมที่เป็นช่องทางของไวรัสได้ดี เช่น Microsoft Outlook, Outlook Express เป็นต้น
ส่วน การใช้ mail ที่เป็น web mail ได้แก่ Yahoo Mail หรือ HotMail นั้น เจ้าของเว็บจะติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสให้เราแล้ว ดังนั้น จึงค่อนข้างปลอดภัยครับ.. แต่อย่างไรก็๖าม ถ้าคุณได้รับ attached file ก็ควรเลือกคำสั่ง scan virus ก่อนที่จะเปิด หรือ download น่ะครับ..
ตัวอย่างชื่อไวรัสที่ส่งผ่านทาง E-Mail
1. W32.Klez.H@mm
2. W32.Bugbear@mm
3. W32.HLLW.Lovgate.H@mm
4. W32.HLLW.Fizzer@mm
5. W32.Yaha.S@mm
6. W32.HLLW.Kickin.A@mm
การป้องกัน
1. Update โปรแกรม Windows ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
2. Update โปรแกรม Browser ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
3. Update โปรแกรม Anti-virus ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
4. ไม่เปิดอ่านอีเมล์ที่เราไม่รู้จัก
5. ไม่เปิดอ่าน mail ที่มีหัวข้อต่าง ๆ ดังนี้ Your Password, Games, Jokes เป็นต้น
6. ไม่เปิดอ่านอีเมล์ที่มี attached file ที่มีนามสกุล .EXE, .SCR, .PIF, VBS เป็นต้น
บทความจากเว็บไซต์ it-guides.com
ช่องทางหนึ่งในการแพร่กระจายไวรัส ซึ่งถือเป็นช่องทางโปรดของไวรัส คือ E-mail เนื่องจากเป็นช่องหนึ่งที่ทุกๆ คนจำเป็นต้องใช้งาน การแพร่กระจายของไวรัส จะอาศัยการส่งผ่านทาง E-mail โดยการส่งไปยังผู้รับอัตโนมัติ โดยใช้ E-mail Address ที่เรามีการบันทึกไว้ใน address book โดยไวรัสพวกนี้จะทำการสร้าง subject ของ mail แบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังอาจมีการส่ง attache file เพื่อให้ผู้รับคลิกเพื่อเปิดโปรแกรมไวรัส (เพื่อให้ไวรัสทำงาน) โปรแกรมที่เป็นช่องทางของไวรัสได้ดี เช่น Microsoft Outlook, Outlook Express เป็นต้น
ส่วน การใช้ mail ที่เป็น web mail ได้แก่ Yahoo Mail หรือ HotMail นั้น เจ้าของเว็บจะติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสให้เราแล้ว ดังนั้น จึงค่อนข้างปลอดภัยครับ.. แต่อย่างไรก็๖าม ถ้าคุณได้รับ attached file ก็ควรเลือกคำสั่ง scan virus ก่อนที่จะเปิด หรือ download น่ะครับ..
ตัวอย่างชื่อไวรัสที่ส่งผ่านทาง E-Mail
1. W32.Klez.H@mm
2. W32.Bugbear@mm
3. W32.HLLW.Lovgate.H@mm
4. W32.HLLW.Fizzer@mm
5. W32.Yaha.S@mm
6. W32.HLLW.Kickin.A@mm
การป้องกัน
1. Update โปรแกรม Windows ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
2. Update โปรแกรม Browser ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
3. Update โปรแกรม Anti-virus ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
4. ไม่เปิดอ่านอีเมล์ที่เราไม่รู้จัก
5. ไม่เปิดอ่าน mail ที่มีหัวข้อต่าง ๆ ดังนี้ Your Password, Games, Jokes เป็นต้น
6. ไม่เปิดอ่านอีเมล์ที่มี attached file ที่มีนามสกุล .EXE, .SCR, .PIF, VBS เป็นต้น
บทความจากเว็บไซต์ it-guides.com
>> การโจมตีแบบ Denial Of Service (DOS)
การ โจมตีแบบ Denial Of Service (DOS)
เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยประสบปัญหาไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือมาบ้าง บางคนก็บอกว่าระบบล่ม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้ามีการใช้งานในระบบเครือข่ายโทรศัพท์ในบริเวณเดียวกันในปริมาณมากๆ ทั้งนี้เป็นเรื่องของระบบโทรศัพท์ อย่างไรก็ตามด้วยวิธีการเดียวกัน การใช้งานคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย โดยเฉพาะผ่านทางอินเตอร์เน็ตก็อาจประสบปัญหานี้ได้เช่นเดียวกัน
วิธีการโจมตีเพื่อให้ระบบหยุดการทำงานนี้ เราเรียกว่า Distributed Denial Of Service attack (DDOS attack)
ตัวอย่างเช่น การใช้งาน อีเมล์ เรามักจะมีการกำหนดของ mail ว่ามี mail box ขนาดเท่าใด เช่น 10 mb, 20 mb หรือ 100 mb เป็นต้น ทั้งนี้ถ้ามีการโจมตี โดยการส่ง mail จำนวนมากๆ มาถึงเรา ผลก็คือเราไม่สามารถรับ mail อื่นๆ ได้ นอกจากการโจมตีผ่านทางอีเมล์แล้ว ยังมีการโจมตีผ่านทางเว็บไซต์ โดเมนเนม รวมทั้งบริการแชร์ไฟล์
นอกจากการถูกโจมตีแล้ว เรายังอาจเป็นหนึ่งในเครือข่ายของผู้โจมตีเครื่องคอมฯ อื่นๆ ได้ โดยจากการรู้เท่าไม่ถึงการของผู้ใช้งานบางคน ที่อาจมีการติดตั้งโปรแกรมแบบไม่ตั้งใจ โดยอาจมีผู้แอบส่งโปรแกรมผ่านทางอีเมล์มากให้กับคุณ และเมื่อคุณรันโปรแกรมนี้ก็จะทำให้คุณกลายเป็นเครือข่ายของผู้ไม่ประสงค์ดี เหล่านี้
จะทราบได้อย่างไรว่าโดน DDOS attack
เครื่องคอมฯ ทำงานช้าผิดปกติ
การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตช้าผิดปกติ
ไฟแสดงการเชื่อมต่อของ ADSL หรือ Cable Modem ติดตลอดเวลา
อาการข้างต้น อาจเป็นปัญหามาจากการถูกโจมตีแบบ DDOS ทั้งนี้ควรสังเกตุความเปลี่ยนแปลงของคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาการใช้งาน ว่าเกิดปัญหาเหล่านี้เมื่อใด หรือเมื่อทำกิจกรรมใด เช่น มีปัญหาทุกครั้งที่ต่ออินเตอร์เน็ต เป็นต้น
การป้องกันเบื้องต้น
update โปรแกรมระบบปฏิบัติให้ทันสมัยอยู่เสมอ (update patch)
หลีกเลี่ยงการเปิดอีเมล์ที่ไม่แน่ใจ และไม่ติดตั้งโปรแกรมใดๆ ที่มาจากอีเมล์ที่เราไม่รู้จัก
ติดตั้งระบบ Firewall
ติดตั้งอุปกรณ์ที่มีระบบป้องกัน เช่น Router บางยี่ห้อ
ตัวอย่าง DDOS attack ได้แก่ MyDoom
บทความจากเว็บไซต์ it-guides.com
เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยประสบปัญหาไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือมาบ้าง บางคนก็บอกว่าระบบล่ม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้ามีการใช้งานในระบบเครือข่ายโทรศัพท์ในบริเวณเดียวกันในปริมาณมากๆ ทั้งนี้เป็นเรื่องของระบบโทรศัพท์ อย่างไรก็ตามด้วยวิธีการเดียวกัน การใช้งานคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย โดยเฉพาะผ่านทางอินเตอร์เน็ตก็อาจประสบปัญหานี้ได้เช่นเดียวกัน
วิธีการโจมตีเพื่อให้ระบบหยุดการทำงานนี้ เราเรียกว่า Distributed Denial Of Service attack (DDOS attack)
ตัวอย่างเช่น การใช้งาน อีเมล์ เรามักจะมีการกำหนดของ mail ว่ามี mail box ขนาดเท่าใด เช่น 10 mb, 20 mb หรือ 100 mb เป็นต้น ทั้งนี้ถ้ามีการโจมตี โดยการส่ง mail จำนวนมากๆ มาถึงเรา ผลก็คือเราไม่สามารถรับ mail อื่นๆ ได้ นอกจากการโจมตีผ่านทางอีเมล์แล้ว ยังมีการโจมตีผ่านทางเว็บไซต์ โดเมนเนม รวมทั้งบริการแชร์ไฟล์
นอกจากการถูกโจมตีแล้ว เรายังอาจเป็นหนึ่งในเครือข่ายของผู้โจมตีเครื่องคอมฯ อื่นๆ ได้ โดยจากการรู้เท่าไม่ถึงการของผู้ใช้งานบางคน ที่อาจมีการติดตั้งโปรแกรมแบบไม่ตั้งใจ โดยอาจมีผู้แอบส่งโปรแกรมผ่านทางอีเมล์มากให้กับคุณ และเมื่อคุณรันโปรแกรมนี้ก็จะทำให้คุณกลายเป็นเครือข่ายของผู้ไม่ประสงค์ดี เหล่านี้
จะทราบได้อย่างไรว่าโดน DDOS attack
เครื่องคอมฯ ทำงานช้าผิดปกติ
การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตช้าผิดปกติ
ไฟแสดงการเชื่อมต่อของ ADSL หรือ Cable Modem ติดตลอดเวลา
อาการข้างต้น อาจเป็นปัญหามาจากการถูกโจมตีแบบ DDOS ทั้งนี้ควรสังเกตุความเปลี่ยนแปลงของคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาการใช้งาน ว่าเกิดปัญหาเหล่านี้เมื่อใด หรือเมื่อทำกิจกรรมใด เช่น มีปัญหาทุกครั้งที่ต่ออินเตอร์เน็ต เป็นต้น
การป้องกันเบื้องต้น
update โปรแกรมระบบปฏิบัติให้ทันสมัยอยู่เสมอ (update patch)
หลีกเลี่ยงการเปิดอีเมล์ที่ไม่แน่ใจ และไม่ติดตั้งโปรแกรมใดๆ ที่มาจากอีเมล์ที่เราไม่รู้จัก
ติดตั้งระบบ Firewall
ติดตั้งอุปกรณ์ที่มีระบบป้องกัน เช่น Router บางยี่ห้อ
ตัวอย่าง DDOS attack ได้แก่ MyDoom
บทความจากเว็บไซต์ it-guides.com
>> อันตรายจากเน็ต Pharming
อันตราย จากเน็ต Pharming
Pharming อ่านว่า ฟาร์มมิ่ง เป็นเทคนิคเก่าๆ แต่มีการนำกลับมาใช้ใหม่ โดยจะทำการเปลี่ยนแปลงเว็บที่คุณกำลังเข้าไปยังเว็บไซต์ของผู้ไม่ประสงค์ดี ทั้งนี้ เพื่อหลอกล่อให้คุณใส่ข้อมูลสำคัญๆ ลงไป เช่น User Name, Password หรือโดยเฉพาะข้อมูลบัตรเครติด
หลักการทำงานของ Pharming
โดยปกติการเข้าถึงเว็บไซต์ ผู้ใช้งานจะพิมพ์ชื่อเว็บไซต์เช่น www.asianewsupdate.com ลงไป ข้อมูลจะถูกส่งไปยัง Domain Name Server (DNS) เพื่อให้ทำการแปลงค่าเป็น IP Address เพื่อให้สามารถเข้าไปถึงยังเว็บไซต์นั้นๆ และโดยการทำ Pharming ก็จะทำการหลอกให้เปลี่ยนค่า IP Address เป็นของตนเอง และทำให้ผู้ใช้งานเข้าไปยังเว็บไซต์ที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะกับเว็บไซต์ทางด้านการเงิน
การแก้ไข ป้องกันปัญหาเบื้องต้น
สำหรับเราๆ ก็คงต้องป้องกันด้วยตัวเองไปก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการติดตั้งโปรแกรม anti-virus ที่มีระบบป้องกันที่ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน ที่เราเรียกว่า Internet Security ซึ่งมักจะประกอบไปด้วยโปรแกรม Anti-virus, Anti-spam, Anti-spyware รวมทั้งมีระบบ Firewall ด้วย
อีกประเด็นก็คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำธุรกิจบนอินเตอร์เน็ต ที่ควรระวังไว้ให้มาก โดยเฉพาะการโอนเงิน
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ได้รับข้อมูลจากธนาคารหลายๆ แห่ง จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ธนาคารจะไม่มีนโยบายในการส่งเมล์ แจ้งให้ผู้ใช้บริการแจ้งข้อมูลด้านบนเครดิต หรือรหัสผ่านแต่อย่างใด ดังนั้น ถ้าได้รับการติดตั้งไม่ว่าจะเป็นทางอีเมล์ หรือทางโทรศัพท์ แนะนำให้เราโทรศัพท์ไปสอบถามไปยังธนาคารโดยตรงจะปลอดภัยกว่า
ด้วยความปรารถนาดีจาก ทีมงาน ไอที-ไกด์ ดอทคอม
บทความจากเว็บไซต์ it-guides.com
Pharming อ่านว่า ฟาร์มมิ่ง เป็นเทคนิคเก่าๆ แต่มีการนำกลับมาใช้ใหม่ โดยจะทำการเปลี่ยนแปลงเว็บที่คุณกำลังเข้าไปยังเว็บไซต์ของผู้ไม่ประสงค์ดี ทั้งนี้ เพื่อหลอกล่อให้คุณใส่ข้อมูลสำคัญๆ ลงไป เช่น User Name, Password หรือโดยเฉพาะข้อมูลบัตรเครติด
หลักการทำงานของ Pharming
โดยปกติการเข้าถึงเว็บไซต์ ผู้ใช้งานจะพิมพ์ชื่อเว็บไซต์เช่น www.asianewsupdate.com ลงไป ข้อมูลจะถูกส่งไปยัง Domain Name Server (DNS) เพื่อให้ทำการแปลงค่าเป็น IP Address เพื่อให้สามารถเข้าไปถึงยังเว็บไซต์นั้นๆ และโดยการทำ Pharming ก็จะทำการหลอกให้เปลี่ยนค่า IP Address เป็นของตนเอง และทำให้ผู้ใช้งานเข้าไปยังเว็บไซต์ที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะกับเว็บไซต์ทางด้านการเงิน
การแก้ไข ป้องกันปัญหาเบื้องต้น
สำหรับเราๆ ก็คงต้องป้องกันด้วยตัวเองไปก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการติดตั้งโปรแกรม anti-virus ที่มีระบบป้องกันที่ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน ที่เราเรียกว่า Internet Security ซึ่งมักจะประกอบไปด้วยโปรแกรม Anti-virus, Anti-spam, Anti-spyware รวมทั้งมีระบบ Firewall ด้วย
อีกประเด็นก็คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำธุรกิจบนอินเตอร์เน็ต ที่ควรระวังไว้ให้มาก โดยเฉพาะการโอนเงิน
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ได้รับข้อมูลจากธนาคารหลายๆ แห่ง จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ธนาคารจะไม่มีนโยบายในการส่งเมล์ แจ้งให้ผู้ใช้บริการแจ้งข้อมูลด้านบนเครดิต หรือรหัสผ่านแต่อย่างใด ดังนั้น ถ้าได้รับการติดตั้งไม่ว่าจะเป็นทางอีเมล์ หรือทางโทรศัพท์ แนะนำให้เราโทรศัพท์ไปสอบถามไปยังธนาคารโดยตรงจะปลอดภัยกว่า
ด้วยความปรารถนาดีจาก ทีมงาน ไอที-ไกด์ ดอทคอม
บทความจากเว็บไซต์ it-guides.com
>> อีเมล์หลอกลวง Phishing
อีเมล์หลอกลวง Phishing
Phishing คือการปลอมแปลงอีเมล์โดย hacker ทั้งในส่วนของอีเมล์ รวมทั้งเว็บเพจ โดยมุ่งเน้นให้ผู้รับเมล์ เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวทางด้านบัตรเครติด รหัสผ่าน และอื่นๆ สำหรับองค์ที่ถูกปลอมแปลงมาแล้วได้แก่ เว็บไซต์ eBay, Citibank, Charlotte's Bank of America, Best Buy
ความสามารถของ hacker นี้จะปลอมแปลงได้มีความเหมือนมาก ทั้งนี้ทาง hacker จะมีการนำ logo ของบริษัท ธนาคาร ของจริงมาใช้งาน ซึ่งเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือได้มากขึ้น ซึ่งทำให้ผู้รับเกิดความเข้าใจผิดได้ง่ายขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราผู้ใช้งานผ่านทางอินเตอร์เน็ตจะต้องศึกษา ไว้
เทคนิคการตรวจสอบว่าเป็นการ Phishing หรือไม่
ศึกษาข้อมูล และข่าวสารเกี่ยวกับอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ต เป็นประจำ ทั้งนี้เพื่อให้ทราบกลยุทธ์ใหม่ๆ ของผู้ไม่ประสงค์ดี จะได้รับมือได้ทันท่วงที
ถ้าได้รับ mail และแจ้งว่าจะทำการปิดบัญชีของคุณ ถ้าไม่ confirm mail คุณควรยกเลิก ไม่ตอบกลับ mail นั้นและติดต่อบริษัทนั้นๆ ทางโทรศัพท์โดยตรง
ก่อนการ submit ข้อมูลใดๆ ให้ตรวจสอบว่า เว็บที่เข้านั้น มีสัญลักษณ์ของระบบ security (รูปแม่กุญแจ) หรือไม่ มุมขวาล่างของ browser
สัญลักษณ์รูปแม่กุญแจนี้ จะแสดงในหน้าเว็บที่มีการรับส่งข้อมูล โดยจะมีการเข้ารหัสก่อนการรับ-ส่ง ซึ่งพอจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นได้ว่ามีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีพอ
การสั่งซื้อสินค้า หรือบริการใดๆ ควรเลือกเว็บที่มีระบบ security ดีๆ และน่าเชื่อถือ ตัวอย่างเช่น เว็บที่เข้าปกติจะเป็น http:// แต่ถ้าเป็นเว็บที่มีระบบ seurity จะใช้ https:// แทน
ถ้าไม่มั่นใจกับ mail ที่ได้รับ ให้ติดต่อบริษัทโดยตรงผ่านทางโทรศัพท์ หรือเข้าพบโดยตรง
หลีกเลี่ยงการรันโปรแกรมที่ส่งมาพร้อมกับ E-mail เนื่องจากอาจเป็นโปรแกรมที่แฝงเข้ามาเพื่อดักจับข้อมูล
บทความและรูปภาพจากเว็บไซต์ it-guides.com
Phishing คือการปลอมแปลงอีเมล์โดย hacker ทั้งในส่วนของอีเมล์ รวมทั้งเว็บเพจ โดยมุ่งเน้นให้ผู้รับเมล์ เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวทางด้านบัตรเครติด รหัสผ่าน และอื่นๆ สำหรับองค์ที่ถูกปลอมแปลงมาแล้วได้แก่ เว็บไซต์ eBay, Citibank, Charlotte's Bank of America, Best Buy
ความสามารถของ hacker นี้จะปลอมแปลงได้มีความเหมือนมาก ทั้งนี้ทาง hacker จะมีการนำ logo ของบริษัท ธนาคาร ของจริงมาใช้งาน ซึ่งเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือได้มากขึ้น ซึ่งทำให้ผู้รับเกิดความเข้าใจผิดได้ง่ายขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราผู้ใช้งานผ่านทางอินเตอร์เน็ตจะต้องศึกษา ไว้
เทคนิคการตรวจสอบว่าเป็นการ Phishing หรือไม่
ศึกษาข้อมูล และข่าวสารเกี่ยวกับอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ต เป็นประจำ ทั้งนี้เพื่อให้ทราบกลยุทธ์ใหม่ๆ ของผู้ไม่ประสงค์ดี จะได้รับมือได้ทันท่วงที
ถ้าได้รับ mail และแจ้งว่าจะทำการปิดบัญชีของคุณ ถ้าไม่ confirm mail คุณควรยกเลิก ไม่ตอบกลับ mail นั้นและติดต่อบริษัทนั้นๆ ทางโทรศัพท์โดยตรง
ก่อนการ submit ข้อมูลใดๆ ให้ตรวจสอบว่า เว็บที่เข้านั้น มีสัญลักษณ์ของระบบ security (รูปแม่กุญแจ) หรือไม่ มุมขวาล่างของ browser
สัญลักษณ์รูปแม่กุญแจนี้ จะแสดงในหน้าเว็บที่มีการรับส่งข้อมูล โดยจะมีการเข้ารหัสก่อนการรับ-ส่ง ซึ่งพอจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นได้ว่ามีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีพอ
การสั่งซื้อสินค้า หรือบริการใดๆ ควรเลือกเว็บที่มีระบบ security ดีๆ และน่าเชื่อถือ ตัวอย่างเช่น เว็บที่เข้าปกติจะเป็น http:// แต่ถ้าเป็นเว็บที่มีระบบ seurity จะใช้ https:// แทน
ถ้าไม่มั่นใจกับ mail ที่ได้รับ ให้ติดต่อบริษัทโดยตรงผ่านทางโทรศัพท์ หรือเข้าพบโดยตรง
หลีกเลี่ยงการรันโปรแกรมที่ส่งมาพร้อมกับ E-mail เนื่องจากอาจเป็นโปรแกรมที่แฝงเข้ามาเพื่อดักจับข้อมูล
บทความและรูปภาพจากเว็บไซต์ it-guides.com
>> ไวรัส Hoax
ไวรัส Hoax
หลายๆ ปีก่อน ผมเชื่อว่าหลายท่านคงเคยได้รับจดหมายลูกโซ่ (จดหมายธรรมดาที่ไม่ใช่ E-mail เหมือนในปัจจุบัน) ซึ่งเนื้อหาจะมีลักษณะให้ส่งต่อจดหมายไปยังผู้อื่น เช่น พี่น้อง ญาติ เพื่อน เป็นต้น และถ้าส่งต่อไปแล้วจะโชคดี มิเช่นนั้นจะมีภัยอย่างใหญ่หลวงมาถึงตัว แต่เนื่องด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน ได้แปรเปลี่ยนรูปแบบการส่งมาในรูปแบบของ E-mail..
หลายคนอาจบอกว่า Hoax ไม่ใช่ไวรัส แต่โดยวิธีการและการแพร่กระจายของ Hoax นี้อาจสรุปไดว่าเป็นไวรัสประเภทหนึ่ง ลักษระของไวรัส Hoax นี้จะมาในรูปแบบของ E-mail หลอกลวง โดยมีลักษณะคล้ายจดหมายลูกโซ่ โดยอาจผ่านทาง E-mail หรือทางห้องสนทนา (Chat Room) ซึ่งก่อนให้เกิดความสับสน วุ่นวาย ทั้งนี้ขึ้นกับความสามารถในการเขียนรูปแบบจดหมายให้ดูน่าสนใจ ตื้นเต้น ของผู้สร้างข่าวขึ้นมา โดยอาจมีการอ้างอิงถึงบริษัทใหญ่ๆ หรือที่มาที่ทำให้ผู้รับเชื่อถือ
การป้องกัน
ทำได้ง่ายครับ เพียงแค่ไม่ส่งต่อ E-mail นั้นๆ ไปให้ผู้อื่น เท่านี้ คุณก็ช่วยให้โลกของ E-mail ดีขึ้นมากเลยครับ
ตัวอย่างไวรัส Hoax
Budweiser
Bicho7
Big Brother
Blue Mountain Virus
Blueballs Are Underrated Virus
BUDDYLST.ZIP
BUDSAVER.EXE
BUGGLST
California IBM
California Virus
CELLSAVER Virus
CLEANMGR.EXE Warning
Coke.exe
Economic Slow Down in US
FAMILY PICTURES
Get More Money
Ghost
Gift from Microsoft
Girl Thing
Go Hip
Goldbear Virus
Good Times
Google Trojan Hoax
Got You
Guts to Say Jesus
Hacky Birthday Virus
Halloween Virus
Happy New Year Virus
Hello Dear
Hairy Palms Virus
บทความจากเว็บไซต์ it-guides.com
หลายๆ ปีก่อน ผมเชื่อว่าหลายท่านคงเคยได้รับจดหมายลูกโซ่ (จดหมายธรรมดาที่ไม่ใช่ E-mail เหมือนในปัจจุบัน) ซึ่งเนื้อหาจะมีลักษณะให้ส่งต่อจดหมายไปยังผู้อื่น เช่น พี่น้อง ญาติ เพื่อน เป็นต้น และถ้าส่งต่อไปแล้วจะโชคดี มิเช่นนั้นจะมีภัยอย่างใหญ่หลวงมาถึงตัว แต่เนื่องด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน ได้แปรเปลี่ยนรูปแบบการส่งมาในรูปแบบของ E-mail..
หลายคนอาจบอกว่า Hoax ไม่ใช่ไวรัส แต่โดยวิธีการและการแพร่กระจายของ Hoax นี้อาจสรุปไดว่าเป็นไวรัสประเภทหนึ่ง ลักษระของไวรัส Hoax นี้จะมาในรูปแบบของ E-mail หลอกลวง โดยมีลักษณะคล้ายจดหมายลูกโซ่ โดยอาจผ่านทาง E-mail หรือทางห้องสนทนา (Chat Room) ซึ่งก่อนให้เกิดความสับสน วุ่นวาย ทั้งนี้ขึ้นกับความสามารถในการเขียนรูปแบบจดหมายให้ดูน่าสนใจ ตื้นเต้น ของผู้สร้างข่าวขึ้นมา โดยอาจมีการอ้างอิงถึงบริษัทใหญ่ๆ หรือที่มาที่ทำให้ผู้รับเชื่อถือ
การป้องกัน
ทำได้ง่ายครับ เพียงแค่ไม่ส่งต่อ E-mail นั้นๆ ไปให้ผู้อื่น เท่านี้ คุณก็ช่วยให้โลกของ E-mail ดีขึ้นมากเลยครับ
ตัวอย่างไวรัส Hoax
Budweiser
Bicho7
Big Brother
Blue Mountain Virus
Blueballs Are Underrated Virus
BUDDYLST.ZIP
BUDSAVER.EXE
BUGGLST
California IBM
California Virus
CELLSAVER Virus
CLEANMGR.EXE Warning
Coke.exe
Economic Slow Down in US
FAMILY PICTURES
Get More Money
Ghost
Gift from Microsoft
Girl Thing
Go Hip
Goldbear Virus
Good Times
Google Trojan Hoax
Got You
Guts to Say Jesus
Hacky Birthday Virus
Halloween Virus
Happy New Year Virus
Hello Dear
Hairy Palms Virus
บทความจากเว็บไซต์ it-guides.com
>> ไวรัสและวิธีการกำจัด
>> ไวรัส Worm
ไวรัส Worm
Worm อ่านว่า "วอร์ม" มีการเรียกเป็นภาษาไทยว่า "หนอนอินเตอร์เน็ต" เป็นไวรัสประเภทหนึ่งที่ก่อกวน สามารถทำสำเนาตัวเอง (copy) และแพร่กระจายไปยังเครื่องคอมฯ เครื่องอื่นๆ ได้ ทำให้คอมพิวเตอร์ส่วนตัว และในระบบเครือข่ายเสียหายมานักต่อนักแล้ว ไวรัส วอร์ม นี้ปัจจุบันมีหลากหลายมาก มีการแพร่กระจายของไวรัสได้รวดเร็วมาก ทั้งนี้เนื่องจากไวรัส วอร์ม จะสามารถแพร่กระจายผ่านทางอีเมล์ได้ ไม่ว่าจะเป็น Outlook Express หรือ Microsoft Outlook
การป้องกันอย่างหนึ่งสำหรับไวรัสประเภทนี้ คือ การ update โปรแกรมให้ทันสมัยอยู่เสมอ ดังรายละเอียดด้านล่างนี้
ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง
เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานได้
ไม่สามารถติดต่อระบบเครือข่ายได้
ไม่สามารถทำงานในระบบอินเตอร์เน็ตได้
Internet Explorer
Update to Internet Explorer 5.01 SP2
Update to IE 5.5 SP2
Update to IE 6.0
ตัวอย่างชื่อไวรัส
WORM_KLEZ.H
WORM_YAHA.K
WORM_OPASERV.E
WORM_KWBOT.C
WORM_FRETHEM.M
นอกจากนี้เรายังวิธีการป้องกันเบื้องต้นก็คือ การติดตั้งโปรแกรมตรวจสอบไวรัส แบบ Realtime หมายถึงตรวจสอบอีเมล์ทุกครั้งที่เข้ามา ตรวจสอบเว็บไซท์ที่มีการแวะเวียนเข้าไป แบบอัตโนมัติ เป็นต้น และที่สำคัญ ควรหลีกเลี่ยงการเปิดเมล์ที่เราไม่รู้จัก หรือไม่แน่ใจ
บทความจากเว็บไซต์ it-guides.com
ไวรัส Worm
Worm อ่านว่า "วอร์ม" มีการเรียกเป็นภาษาไทยว่า "หนอนอินเตอร์เน็ต" เป็นไวรัสประเภทหนึ่งที่ก่อกวน สามารถทำสำเนาตัวเอง (copy) และแพร่กระจายไปยังเครื่องคอมฯ เครื่องอื่นๆ ได้ ทำให้คอมพิวเตอร์ส่วนตัว และในระบบเครือข่ายเสียหายมานักต่อนักแล้ว ไวรัส วอร์ม นี้ปัจจุบันมีหลากหลายมาก มีการแพร่กระจายของไวรัสได้รวดเร็วมาก ทั้งนี้เนื่องจากไวรัส วอร์ม จะสามารถแพร่กระจายผ่านทางอีเมล์ได้ ไม่ว่าจะเป็น Outlook Express หรือ Microsoft Outlook
การป้องกันอย่างหนึ่งสำหรับไวรัสประเภทนี้ คือ การ update โปรแกรมให้ทันสมัยอยู่เสมอ ดังรายละเอียดด้านล่างนี้
ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง
เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานได้
ไม่สามารถติดต่อระบบเครือข่ายได้
ไม่สามารถทำงานในระบบอินเตอร์เน็ตได้
Internet Explorer
Update to Internet Explorer 5.01 SP2
Update to IE 5.5 SP2
Update to IE 6.0
ตัวอย่างชื่อไวรัส
WORM_KLEZ.H
WORM_YAHA.K
WORM_OPASERV.E
WORM_KWBOT.C
WORM_FRETHEM.M
นอกจากนี้เรายังวิธีการป้องกันเบื้องต้นก็คือ การติดตั้งโปรแกรมตรวจสอบไวรัส แบบ Realtime หมายถึงตรวจสอบอีเมล์ทุกครั้งที่เข้ามา ตรวจสอบเว็บไซท์ที่มีการแวะเวียนเข้าไป แบบอัตโนมัติ เป็นต้น และที่สำคัญ ควรหลีกเลี่ยงการเปิดเมล์ที่เราไม่รู้จัก หรือไม่แน่ใจ
บทความจากเว็บไซต์ it-guides.com
วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ความหมายของแต่ละประเภท
บูตไวรัส
บูตไวรัส (boot virus) คือไวรัสคอมพิวเตอร์ที่แพร่เข้าสู่เป้าหมายในระหว่างเริ่มทำการบูตเครื่อง ส่วนมาก มันจะติดต่อเข้าสู่แผ่นฟลอปปี้ดิสก์ระหว่างกำลังสั่งปิดเครื่อง เมื่อนำแผ่นที่ติดไวรัสนี้ไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ไวรัสก็จะเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ตอนเริ่มทำงานทันที
บูตไวรัสจะ ติดต่อเข้าไปอยู่ส่วนหัวสุดของฮาร์ดดิสก์ ที่มาสเตอร์บูตเรคคอร์ด (master boot record) และก็จะโหลดตัวเองเข้าไปสู่หน่วยความจำก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงาน ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไฟล์ไวรัส
ไฟล์ไวรัส (file virus) ใช้เรียกไวรัสที่ติดไฟล์โปรแกรม เช่นโปรแกรมที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต นามสกุล.exe โปรแกรมประเภทแชร์แวร์เป็นต้น
มาโครไวรัส
มาโครไวรัส (macro virus) คือไวรัสที่ติดไฟล์เอกสารชนิดต่างๆ ซึ่งมีความสามารถในการใส่คำสั่งมาโครสำหรับทำงานอัตโนมัติในไฟล์เอกสารด้วย ตัวอย่างเอกสารที่สามารถติดไวรัสได้ เช่น ไฟล์ไมโครซอฟท์เวิร์ด ไมโครซอฟท์เอ็กเซล เป็นต้น
หนอน
หนอน (Worm) เป็นรูปแบบหนึ่งของไวรัส มีความสามารถในการทำลายระบบในเครื่องคอมพิวเตอร์สูงที่สุดในบรรดาไวรัสทั้ง หมด สามารถกระจายตัวได้รวดเร็ว ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งสาเหตุที่เรียกว่าหนอนนั้น คงจะเป็นลักษณะของการกระจายและทำลาย ที่คล้ายกับหนอนกินผลไม้ ที่สามารถกระจายตัวได้มากมาย รวดเร็ว และเมื่อยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ระดับการทำลายล้างยิ่งสูงขึ้น
อื่นๆ
โทร จัน
ม้าโทรจัน (Trojan) คือโปรแกรมจำพวกหนึ่งที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแอบแฝง กระทำการบางอย่าง ในเครื่องของเรา จากผู้ที่ไม่หวังดี ชื่อเรียกของโปรแกรมจำพวกนี้ มาจากตำนานของม้าไม้แห่งเมืองทรอยนั่นเอง ซึ่งการติดนั้น ไม่เหมือนกับไวรัส และหนอน ที่จะกระจายตัวได้ด้วยตัวมันเอง แต่โทรจัน (คอมพิวเตอร์)จะถูกแนบมากับ อีการ์ด อีเมล์ หรือโปรแกรมที่มีให้ดาวน์โหลดตามอินเทอร์เน็ตในเว็บไซต์ใต้ดิน และสุดท้ายที่มันต่างกับไวรัสและเวิร์ม คือ มันจะสามารถเข้ามาในเครื่องของเรา โดยที่เราเป็นผู้รับมันมาโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง
โปรแกรมไวรัส (Program Viruses) หรือ File Intector Viruses เป็นไวรัสอีกประเภทหนึ่ง
ที่จะติดอยู่กับโปรแกรม ซึ่งปกติจะเป็นไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น COM หรือ EXE และบางไวรัสสามารถเข้าไปอยู่ใน
โปรแกรมที่มีนามสกุลเป็น SYS ได้ด้วยการทำงานของไวรัสประเภทนี้ คือ เมื่อมีการเรียกโปรแกรมที่ติดไวรัส ส่วนของไวรัสจะทำงานก่อนและจะถือโอกาสนี้ฝังตัวเข้าไ ปอยู่ในหน่วยความจำทันทีแล้วจึงค่อยให้โปรแกรมนั้นทำ งานตามปกติ เมื่อฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำแล้วหลังจากนี้หากมีการ เรียกโปรแกรมอื่น ๆ ขึ้นมาทำงานต่อ ตัวไวรัสจะสำเนาตัวเองเข้าไปในโปรแกรมเหล่านี้ทันที เป็นการแพร่ระบาดต่อไป
นอกจากนี้ไวรัสนี้ยังมีวิธีการแพร่ระบาดอีกคือ เมื่อมีการเรียกโปรแกรมที่มีไวรัสติดอยู่ ตัวไวรัสจะเข้าไปหา โปรแกรมอื่น ๆ ที่อยู่ติดเพื่อทำสำเนาตัวเองลงไปทันที แล้วจึงค่อยให้โปรแกรมที่ถูกเรียกนั้นทำงานตามปกติต่ อไป
โพลีมอร์ฟิกไวรัส (Polymorphic Viruses) เป็นชื่อที่ใช้เรียกไวรัสที่มีความสามารถในการแปรเปล ี่ยนตัวเอง ได้เมื่อมีการสร้างสำเนาตัวเองเกิดขึ้น ซึ่งอาจได้ถึงหลายร้อยรูปแบบ ผลก็คือ ทำให้ไวรัสเหล่านี้ยากต่อการถูกตรวจจัดโดยโปรแกรมตรว จหาไวรัสที่ใช้วิธีการสแกนอย่างเดียว ไวรัสใหม่ ๆ ในปัจจุบันที่มีความสามารถนี้เริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ ้นเรื่อย ๆ
สทิลต์ไวรัส (Stealth Viruses) เป็นชื่อเรียกไวรัสที่มีความสามารถในการพรางตัวต่อกา รตรวจจับได้ เช่น ไฟล์อินเฟกเตอร์ ไวรัสประเภทที่ไปติดโปรแกรม ใดแล้วจะทำให้ขนาดของ โปรแกรมนั้นใหญ่ขึ้น ถ้าโปรแกรมไวรัสนั้นเป็นแบบสทิสต์ไวรัส จะไม่สามารถตรวจดูขนาดที่แท้จริงของโปรแกรมที่เพิ่มข ึ้นได้
เนื่องจากตัวไวรัสจะเข้าไปควบคุมดอส เมื่อมีการใช้คำสั่ง DIR หรือโปรแกรมใดก็ตามเพื่อตรวจดูขนาดของโปรแกรม ดอสก็จะแสดงขนาดเหมือนเดิม ทุกอย่างราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
Macro viruses จะติดต่อกับไฟล์ซึ่งใช้เป็นต้นแบบ (template) ในการสร้างเอกสาร (documents หรือ spreadsheet) หลังจากที่ต้นแบบในการใช้สร้างเอกสาร ติดไวรัสแล้ว ทุก ๆ เอกสารที่เปิดขึ้นใช้ด้วยต้นแบบอันนั้นจะเกิดความเสี ยหายขึ้น
บูตไวรัส (boot virus) คือไวรัสคอมพิวเตอร์ที่แพร่เข้าสู่เป้าหมายในระหว่างเริ่มทำการบูตเครื่อง ส่วนมาก มันจะติดต่อเข้าสู่แผ่นฟลอปปี้ดิสก์ระหว่างกำลังสั่งปิดเครื่อง เมื่อนำแผ่นที่ติดไวรัสนี้ไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ไวรัสก็จะเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ตอนเริ่มทำงานทันที
บูตไวรัสจะ ติดต่อเข้าไปอยู่ส่วนหัวสุดของฮาร์ดดิสก์ ที่มาสเตอร์บูตเรคคอร์ด (master boot record) และก็จะโหลดตัวเองเข้าไปสู่หน่วยความจำก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงาน ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไฟล์ไวรัส
ไฟล์ไวรัส (file virus) ใช้เรียกไวรัสที่ติดไฟล์โปรแกรม เช่นโปรแกรมที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต นามสกุล.exe โปรแกรมประเภทแชร์แวร์เป็นต้น
มาโครไวรัส
มาโครไวรัส (macro virus) คือไวรัสที่ติดไฟล์เอกสารชนิดต่างๆ ซึ่งมีความสามารถในการใส่คำสั่งมาโครสำหรับทำงานอัตโนมัติในไฟล์เอกสารด้วย ตัวอย่างเอกสารที่สามารถติดไวรัสได้ เช่น ไฟล์ไมโครซอฟท์เวิร์ด ไมโครซอฟท์เอ็กเซล เป็นต้น
หนอน
หนอน (Worm) เป็นรูปแบบหนึ่งของไวรัส มีความสามารถในการทำลายระบบในเครื่องคอมพิวเตอร์สูงที่สุดในบรรดาไวรัสทั้ง หมด สามารถกระจายตัวได้รวดเร็ว ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งสาเหตุที่เรียกว่าหนอนนั้น คงจะเป็นลักษณะของการกระจายและทำลาย ที่คล้ายกับหนอนกินผลไม้ ที่สามารถกระจายตัวได้มากมาย รวดเร็ว และเมื่อยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ระดับการทำลายล้างยิ่งสูงขึ้น
อื่นๆ
โทร จัน
ม้าโทรจัน (Trojan) คือโปรแกรมจำพวกหนึ่งที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแอบแฝง กระทำการบางอย่าง ในเครื่องของเรา จากผู้ที่ไม่หวังดี ชื่อเรียกของโปรแกรมจำพวกนี้ มาจากตำนานของม้าไม้แห่งเมืองทรอยนั่นเอง ซึ่งการติดนั้น ไม่เหมือนกับไวรัส และหนอน ที่จะกระจายตัวได้ด้วยตัวมันเอง แต่โทรจัน (คอมพิวเตอร์)จะถูกแนบมากับ อีการ์ด อีเมล์ หรือโปรแกรมที่มีให้ดาวน์โหลดตามอินเทอร์เน็ตในเว็บไซต์ใต้ดิน และสุดท้ายที่มันต่างกับไวรัสและเวิร์ม คือ มันจะสามารถเข้ามาในเครื่องของเรา โดยที่เราเป็นผู้รับมันมาโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง
โปรแกรมไวรัส (Program Viruses) หรือ File Intector Viruses เป็นไวรัสอีกประเภทหนึ่ง
ที่จะติดอยู่กับโปรแกรม ซึ่งปกติจะเป็นไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น COM หรือ EXE และบางไวรัสสามารถเข้าไปอยู่ใน
โปรแกรมที่มีนามสกุลเป็น SYS ได้ด้วยการทำงานของไวรัสประเภทนี้ คือ เมื่อมีการเรียกโปรแกรมที่ติดไวรัส ส่วนของไวรัสจะทำงานก่อนและจะถือโอกาสนี้ฝังตัวเข้าไ ปอยู่ในหน่วยความจำทันทีแล้วจึงค่อยให้โปรแกรมนั้นทำ งานตามปกติ เมื่อฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำแล้วหลังจากนี้หากมีการ เรียกโปรแกรมอื่น ๆ ขึ้นมาทำงานต่อ ตัวไวรัสจะสำเนาตัวเองเข้าไปในโปรแกรมเหล่านี้ทันที เป็นการแพร่ระบาดต่อไป
นอกจากนี้ไวรัสนี้ยังมีวิธีการแพร่ระบาดอีกคือ เมื่อมีการเรียกโปรแกรมที่มีไวรัสติดอยู่ ตัวไวรัสจะเข้าไปหา โปรแกรมอื่น ๆ ที่อยู่ติดเพื่อทำสำเนาตัวเองลงไปทันที แล้วจึงค่อยให้โปรแกรมที่ถูกเรียกนั้นทำงานตามปกติต่ อไป
โพลีมอร์ฟิกไวรัส (Polymorphic Viruses) เป็นชื่อที่ใช้เรียกไวรัสที่มีความสามารถในการแปรเปล ี่ยนตัวเอง ได้เมื่อมีการสร้างสำเนาตัวเองเกิดขึ้น ซึ่งอาจได้ถึงหลายร้อยรูปแบบ ผลก็คือ ทำให้ไวรัสเหล่านี้ยากต่อการถูกตรวจจัดโดยโปรแกรมตรว จหาไวรัสที่ใช้วิธีการสแกนอย่างเดียว ไวรัสใหม่ ๆ ในปัจจุบันที่มีความสามารถนี้เริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ ้นเรื่อย ๆ
สทิลต์ไวรัส (Stealth Viruses) เป็นชื่อเรียกไวรัสที่มีความสามารถในการพรางตัวต่อกา รตรวจจับได้ เช่น ไฟล์อินเฟกเตอร์ ไวรัสประเภทที่ไปติดโปรแกรม ใดแล้วจะทำให้ขนาดของ โปรแกรมนั้นใหญ่ขึ้น ถ้าโปรแกรมไวรัสนั้นเป็นแบบสทิสต์ไวรัส จะไม่สามารถตรวจดูขนาดที่แท้จริงของโปรแกรมที่เพิ่มข ึ้นได้
เนื่องจากตัวไวรัสจะเข้าไปควบคุมดอส เมื่อมีการใช้คำสั่ง DIR หรือโปรแกรมใดก็ตามเพื่อตรวจดูขนาดของโปรแกรม ดอสก็จะแสดงขนาดเหมือนเดิม ทุกอย่างราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
Macro viruses จะติดต่อกับไฟล์ซึ่งใช้เป็นต้นแบบ (template) ในการสร้างเอกสาร (documents หรือ spreadsheet) หลังจากที่ต้นแบบในการใช้สร้างเอกสาร ติดไวรัสแล้ว ทุก ๆ เอกสารที่เปิดขึ้นใช้ด้วยต้นแบบอันนั้นจะเกิดความเสี ยหายขึ้น
ความหมายของไวรัสคอมพิวเตอร์
ไวรัสคอมพิวเตอร์ (computer virus) หรือเรียกสั้นว่า ไวรัส คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่บุกรุกเข้าไปใน เครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ ส่วนมากมักจะมีประสงค์ร้ายและสร้างความเสียหายให้กับระบบของเครื่อง คอมพิวเตอร์นั้นๆ
ในเชิงเทคโนโลยีความ มั่นคงของระบบคอมพิวเตอร์นั้น ไวรัสเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำสำเนาของตัวเอง เพื่อแพร่ออกไปโดยการสอดแทรกตัวสำเนาไปในรหัสคอมพิวเตอร์ส่วนที่สามารถ ปฏิบัติการได้หรือข้อมูลเอกสาร ดังนั้นไวรัสคอมพิวเตอร์จึงมีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกับไวรัสในทางชีววิทยา ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตในลักษณะเดียวกันนี้ คำอื่นๆ ที่ใช้กับไวรัสในทางชีววิทยายังขยายขอบข่ายของความหมายครอบคลุมถึงไวรัส ในทางคอมพิวเตอร์ เช่น การติดไวรัส (infection) แฟ้มข้อมูลที่ติดไวรัส นี้จะเรียกว่า โฮสต์ (host) ไวรัสนั้นเป็นประเภทหนึ่งของโปรแกรมประเภทมัลแวร์ (malware) หรือโปรแกรมที่มีประสงค์ร้าย ในความหมายที่ใช้กันทั่วไปนั้น ไวรัสยังใช้หมายรวมถึง เวิร์ม (worm) ซึ่งก็เป็นโปรแกรมอีกรูปแบบหนึ่งของมัลแวร์ ซึ่งบางครั้งก็ทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์นั้นสับสนเมื่อคำไวรัสนั้นใช้ในความ หมายที่เฉพาะเจาะจง คอมพิวเตอร์ไวรัสนั้นโดยทั่วไปจะไม่ส่งผลก่อให้เกิดความเสียหายต่อฮาร์ดแวร์โดยตรง แต่จะทำความเสียหายต่อซอฟต์แวร์
ในขณะที่ไวรัสโดยทั่วไปนั้นก่อให้เกิดความเสียหาย (เช่น ทำลายข้อมูล) แต่ก็มีหลายชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย เพียงแต่ก่อให้เกิดความรำคาญเท่านั้น ไวรัสบางชนิดนั้นจะมีการตั้งเวลาให้ทำงานเฉพาะตามเงื่อนไข เช่น เมื่อถึงวันที่ที่กำหนด หรือเมื่อทำการขยายตัวได้ถึงระดับหนึ่ง ซึ่งไวรัสเหล่านี้จะเรียกว่า บอมบ์ (bomb) หรือระเบิด ระเบิดเวลาจะทำงานเมื่อถึงวันที่ที่กำหนด ส่วนระเบิดเงื่อนไขนั้นจะทำงานเมื่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์มีการกระทำเฉพาะซึ่ง เป็นตัวจุดชนวน ไม่ว่าจะเป็นไวรัสชนิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือไม่ก็ตาม ก็จะมีผลเสียที่เกิดจากการแพร่ขยายตัวของไวรัสอย่างไร้การควบคุม ซึ่งจะเป็นการบริโภคทรัพยากรคอมพิวเตอร์อย่างไร้ประโยชน์ หรืออาจจะบริโภคไปเป็นจำนวนมาก
ในเชิงเทคโนโลยีความ มั่นคงของระบบคอมพิวเตอร์นั้น ไวรัสเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำสำเนาของตัวเอง เพื่อแพร่ออกไปโดยการสอดแทรกตัวสำเนาไปในรหัสคอมพิวเตอร์ส่วนที่สามารถ ปฏิบัติการได้หรือข้อมูลเอกสาร ดังนั้นไวรัสคอมพิวเตอร์จึงมีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกับไวรัสในทางชีววิทยา ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตในลักษณะเดียวกันนี้ คำอื่นๆ ที่ใช้กับไวรัสในทางชีววิทยายังขยายขอบข่ายของความหมายครอบคลุมถึงไวรัส ในทางคอมพิวเตอร์ เช่น การติดไวรัส (infection) แฟ้มข้อมูลที่ติดไวรัส นี้จะเรียกว่า โฮสต์ (host) ไวรัสนั้นเป็นประเภทหนึ่งของโปรแกรมประเภทมัลแวร์ (malware) หรือโปรแกรมที่มีประสงค์ร้าย ในความหมายที่ใช้กันทั่วไปนั้น ไวรัสยังใช้หมายรวมถึง เวิร์ม (worm) ซึ่งก็เป็นโปรแกรมอีกรูปแบบหนึ่งของมัลแวร์ ซึ่งบางครั้งก็ทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์นั้นสับสนเมื่อคำไวรัสนั้นใช้ในความ หมายที่เฉพาะเจาะจง คอมพิวเตอร์ไวรัสนั้นโดยทั่วไปจะไม่ส่งผลก่อให้เกิดความเสียหายต่อฮาร์ดแวร์โดยตรง แต่จะทำความเสียหายต่อซอฟต์แวร์
ในขณะที่ไวรัสโดยทั่วไปนั้นก่อให้เกิดความเสียหาย (เช่น ทำลายข้อมูล) แต่ก็มีหลายชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย เพียงแต่ก่อให้เกิดความรำคาญเท่านั้น ไวรัสบางชนิดนั้นจะมีการตั้งเวลาให้ทำงานเฉพาะตามเงื่อนไข เช่น เมื่อถึงวันที่ที่กำหนด หรือเมื่อทำการขยายตัวได้ถึงระดับหนึ่ง ซึ่งไวรัสเหล่านี้จะเรียกว่า บอมบ์ (bomb) หรือระเบิด ระเบิดเวลาจะทำงานเมื่อถึงวันที่ที่กำหนด ส่วนระเบิดเงื่อนไขนั้นจะทำงานเมื่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์มีการกระทำเฉพาะซึ่ง เป็นตัวจุดชนวน ไม่ว่าจะเป็นไวรัสชนิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือไม่ก็ตาม ก็จะมีผลเสียที่เกิดจากการแพร่ขยายตัวของไวรัสอย่างไร้การควบคุม ซึ่งจะเป็นการบริโภคทรัพยากรคอมพิวเตอร์อย่างไร้ประโยชน์ หรืออาจจะบริโภคไปเป็นจำนวนมาก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)